ขยะอาหารเป็นปัญหาที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลก จากการวิจัยพบว่า 1 ใน 3 ของปริมาณอาหารที่ผลิตขึ้นกลายเป็นขยะอาหาร ซึ่งก่อให้เกิดภาระทางสิ่งแวดล้อม(environmental burden) เช่น การปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจกจากขยะอาหารในแต่ละปีซึ่งมีปริมาณเท่ากับแก๊สเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากการคมนาคม ภาระทางสังคม (social burden) เช่น ปัญหาความหิวโหย ความมั่นคงทางอาหาร (food security) และการขาดสารอาหาร และภาระทางเศรษฐกิจ (economic burden) ทำให้สูญเสียทรัพยากรและพลังงานจำนวนมากเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตอาหารและการทำลายขยะอาหาร เช่น ค่าแรง ค่าวัตถุดิบ ค่าขนส่ง ค่าปุ๋ย ค่าสารเคมี ทรัพยากรดิน น้ำ พลังงานความร้อนเพื่อใช้ในการเผาขยะอาหาร หรือการฝังกลบขยะอาหาร เป็นต้น
การช่วยกันลดปริมาณขยะอาหารจึงเป็นหน้าที่ของทุกคนเพื่อช่วยกันลดภาระทางสิ่งแวดล้อม ทางสังคมและทางเศรษฐกิจดังกล่าวมาแล้วข้างต้น บทความนี้ขอนำเสนอเทคนิคการลดขยะอาหารอย่างง่ายซึ่งทุกคนสามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งประกอบด้วยเทคนิคต่าง ๆ มากมาย โดยในตอนที่ 1 นี้จะนำเสนอ 5 เทคนิคแรก ดังนี้
1. Shop smart เลือกซื้ออย่างฉลาด
การเลือกซื้ออย่างฉลาดสามารถทำได้หลายวิธี เช่น อย่าซื้ออาหารเกิน
ความจำเป็น บริโภคอาหารที่ซื้อจากการช้อปปิ้งคราวที่แล้วให้หมดก่อน
การไปซื้อครั้งถัดไป ทำรายการซื้ออาหารทุกครั้งและอย่าซื้อของที่อยู่นอก
เหนือรายการที่จดไว้ การไปช้อปปิ้งครั้งละน้อย ๆ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งแทน
การไปครั้งเดียวแล้วซื้อในปริมาณที่มากเกินไป และที่สำคัญอย่าหลงกล
buy 1 get 1 free เป็นต้น
2. Store properly เก็บอาหารให้ถูกวิธี
ในสหราชอาณาจักรพบว่าการเก็บอาหารไม่ถูกวิธีโดยเฉพาะผักและผลไม้ เป็นสาเหตุให้ 2 ใน 3 ของอาหารกลายเป็นขยะอาหาร เช่น การเก็บมันฝรั่ง กระเทียม หัวหอมหรือ หอมแดงในตู้เย็น จะทำให้อาหารเหล่านี้เสียง่ายขึ้น จึงควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ควรแยกอาหารที่ผลิต แก๊สเอทิลีน (ethylene gas) ออกจากอาหารอื่น เนื่องจากแก๊สชนิดนี้ทำให้ผักและผลไม้สุกเร็วก่อนเวลาและทำให้เกิดการเน่าเสีย ผลไม้ที่ผลิตแก๊สเอทิลีน ได้แก่ กล้วย อะโวคาโด มะเขือเทศ แคนตาลูป พีช แพร์ หัวหอม จึงควรแยกผลไม้เหล่านี้ออก จากผักหรือผลไม้ที่ไวต่อแก๊สเอทิลีน ได้แก่ มันฝรั่ง แอปเปิล ผักใบเขียว เบอร์รีและพริกไทย เป็นต้น
3. Learn to preserve เรียนรู้การถนอมอาหาร
การถนอมอาหารเป็นวิธีการเก็บอาหารให้สามารถใช้บริโภคได้ในระยะยาวเป็นภูมิปัญญาที่มีอยู่ในทุกภูมิภาคของโลก ไม่ว่าจะเป็นการอบแห้ง ตากแห้ง การแช่แข็ง การหมัก การดอง หรือการทำเป็นอาหารกระป๋อง ซึ่งจะช่วยลดปริมาณขยะอาหารประหยัดค่าใช้จ่ายและเป็นกิจกรรม สร้างสรรค์ในครัวเรือนได้ด้วย
4. Don’t be a perfectionist ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ
ผู้คนจำนวนมากจะเลือกซื้ออาหารหรือวัตถุดิบทางอาหารที่มีลักษณะ สวยงาม สีสันสดใส ไม่มีตำหนิหรือรอยบุบสลาย จนทำให้อาหารบางส่วน ต้องถูกทิ้งไปเพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่สมบูรณ์แบบเท่านั้น ปัจจุบันมีร้านค้าหลายแห่งที่จำหน่ายผัก ผลไม้ หรืออาหารที่มีตำหนิเล็ก น้อยแต่ยังมีคุณภาพที่ดีอยู่ในราคาย่อมเยาแก่ลูกค้า ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่า สนใจ ดังนั้นในการเลือกซื้ออาหารคราวถัดไปจึงไม่ควรพิจารณาเฉพาะ ความสวยงามเท่านั้นเพื่อไม่ให้อาหารที่มีตำหนิต้องกลายเป็นขยะไปโดย เปล่าประโยชน์
5. Keep your fridge clutter-free จัดระเบียบตู้เย็น
การบรรจุอาหารจนเต็มตู้เย็นมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้อาหารบางส่วนเน่าเสีย การจัดระเบียบตู้เย็นเพื่อทำให้เห็นอาหารต่าง ๆ ได้ชัดเจน หรือทำให้ ตู้เย็นโล่งบ้างจึงเป็นทางออกที่ดีในการช่วยระบายอาหารเพื่อนำไปบริโภค ก่อนที่อาหารจะเน่าเสีย การเก็บอาหารและการจัดลำดับการนำไปบริโภค ควรใช้หลักการ FIFO (First in First Out) วิธีการนี้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และลดขยะอาหารได้เป็นอย่างดี
เขียนโดย
คุณลีณา สุนทรสุข
เรียบเรียงโดย
นายศุภชัย มงคลนิตย์ (เอ็กซ์)
นางสาวอารยา โช (นีน่า)
ภาพโดย
นางสาวกัญญพัชร ชุ่มมะโน (เพลิน)
ข้อมูลอ้างอิง
20 Easy Ways to Reduce Your Food Waste (https://www.healthline.com/nutrition/reduce-food-waste#TOC_TITLE_HDR_22, accessed on 19 Feb 2021)
Kommentare